ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 14
ถึงชายป่าอันร่มรื่นน่ารื่นรมย์ใจแห่งหนึ่ง หากแต่ทว่าป่าแห่งนั้นได้ปรากฏแก่สายตาของนายสารถีประดุจป่าช้าผีดิบ นายสารถีจึงคิดว่า ตรงนี้แหละเหมาะสมจะเป็นสถานที่ฝังพระราชกุมาร จึงชะลอรถแวะลงจอดที่ข้างทาง
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 13
ธรรมดาของหญิงผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดา ย่อม มีจิตใจอ่อนไหวไปตามความเป็นไปของบุตร ถึงคราวบุตรอยู่ดีมีสุข มารดาก็พลอยแช่มชื่นเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสไปด้วย แต่ครั้นบุตรมาเจ็บไข้ได้ป่วย ใจของมารดาก็เป็นทุกข์ร้อน มีความไม่สบายกายไม่สบายใจไปด้วย
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 12
แต่ครั้งนี้ หากพระองค์จะทรงเมตตาหม่อมฉัน ก็ขอให้พระองค์ได้ทรงโปรดพระราชทานราชสมบัติ ให้เตมิยกุมารลูกรักของหม่อมฉันได้ครอบครองเพียงแค่เจ็ดวันเถิด หม่อมฉันขอพระองค์เพียงชั่วระยะเวลาเจ็ดวันเท่านั้นเพคะ เพราะมิเช่นนั้นแล้ว หม่อมฉันก็คงไม่อาจมีชีวิตต่อไป เป็นแน่
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 7
ทรงสอนพระองค์เองว่า เตมิยกุมารเอย ชาติก่อนๆโน้นเจ้าก็เคยอดอาหารมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วมาบัดนี้ เจ้าจะหวั่นใจไปทำไมไฟนี้แม้จะร้อนเพียงใด แต่ก็เทียบไม่ได้กับไฟในนรก แม้เราจะตายในกองไฟนี้ก็ยังประเสริฐกว่า
คำสอนของแม่หลวง
"...ความเจริญทางด้านวัตถุ ทำให้โลกของเรามีความก้าวหน้าและสะดวกสบายขึ้นอย่างยิ่ง จึงต้องนับว่าความเจริญทางวัตถุนี้เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมากสำหรับชีวิต แต่ชีวิตของเรายังต้องการความเจริญอย่างอื่นด้วย คือความเจริญด้านจิตใจ ซึ่งสำคัญและจำเป็นไม่น้อยไปกว่าความเจริญทางวัตถุเลย..." (พระราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรการศึกษาวิชาพยาบาล วันที่ 31 ก.ค.2510)
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 6
ต่อจากนี้ไป เราจะแสดงตนเป็นคนง่อยเปลี้ย เป็นคนหูหนวก และเป็นคนใบ้ จนกว่าความปรารถนาของเราจะสำเร็จ นับจากนั้นมา พระราชกุมารก็มิได้ตรัสอะไรอีก ไม่ทรงขยับพระหัตถ์และพระบาท แม้หิวก็ไม่ทรงร้องไห้ขอดื่มนม
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 4
ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระหน่อเนื้อราชกุมารนี้ มีบุญลักษณะอันบริบูรณ์ ทรงประเสริฐยิ่งกว่าเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย...ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นพระราชาธิราชผู้ทรงพลานุภาพเหนือทวีปน้อยใหญ่ อย่าว่าแต่ทวีปหนึ่งเลย แม้มหาทวีปทั้ง 4
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 3
“ลูกเราเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด ย่อมไม่เกิดเพียงลำพังผู้เดียว จะต้องมีบริวารติดตามมาเป็นแน่แท้” จึงตรัสเรียกเสนาบดีมาเข้าเฝ้า แล้วรับสั่งว่า “ท่านจงไปเที่ยวสืบดูทีซิว่า ในเรือนของเหล่าอำมาตย์ในวันนี้นะ มีทารกเกิดขึ้นบ้างหรือไม่” ท่านเสนาบดีรับคำว่า “รับด้วยเกล้าพะย่ะคะ ข้าพระองค์จะรีบตรวจค้นตามเรือนอำมาตย์ให้ทั่ว ขอพระองค์ทรงวางพระทัยเถิดพระเจ้าข้า”แล้วก็เป็นจริง
เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๔ ( พระเวสสันดรขอพร ๘ ประการ )
ข้าแต่ท้าวสักกะ เมื่อหม่อมฉันบริจาคทาน ทรัพย์สมบัติ พึงไม่หมดสิ้นไป บริจาคแล้วไม่พึงเดือดร้อนภายหลัง เมื่อกำลังบริจาค พึงทำจิตให้ผ่องใส เมื่อหม่อมฉันพ้นจากอัตภาพนี้ พึงไปสู่สวรรค์ ถึงชั้นดุสิตอันวิเศษ จุติจากชั้นดุสิตมาเป็นมนุษย์ พึงเป็นผู้ไม่เกิดอีก
เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๖ ( เิดินทางสู่เขาวงกต )
แม้พระโพธิสัตว์ทรงรู้ว่า ถูกขับไล่ให้ไปอยู่ในป่าก็มิได้หวั่นไหว รุ่งขึ้นของวันใหม่ ท่านได้บริจาคสัตตสตกมหาทาน ด้วยความปีติยินดี เหมือนไม่มีเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้น พวกเทวดาได้แจ้งพระราชาในชมพูทวีป ว่า พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญมหาทาน และกำลังพระราชทานนางขัตติยกัญญา พวกกษัตริย์จึงเสด็จมาด้วยเทวานุภาพ รับนางขัตติยกัญญาเหล่านั้นไปเป็นมเหสี